Short memory (Blog สำหรับคนขี่ลืม)
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Terminal ssh ไม่ได้ ทำไงดี (ใน MacBook)
4.การติดตั้งภาษา PHP5
# cd /usr/ports/lang/php5
# make install
2. รอสักครู่จะปรากฏหน้าจอ แล้วให้เราเลือก Options ของ Apache ซึ่งจะเป็นโมดูล (Modules) ที่จำเป็นต้องใช้งานเพื่อให้ Apache Web Server รับรู้ภาษา PHP ใหม่นี้ด้วย จากนั้นให้กดปุ่ม TAB มาที่ OK แล้ว Enter เพื่อทำงานต่อไป

3. เมื่อโปรแกรมภาษา PHP ได้ทำการติดตั้งและคอมไฟล์ (Compile) เสร็จเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าจอด้านล่างนี้ แล้วยังให้ตรวจสอบว่าการมีการเพิ่มบรรทัดคำสั่ง AddType ทั้ง 2 บรรทัดในไฟล์ httpd.conf หรือยัง

รูปที่ 2 ภาษา PHP ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
4. ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่เราต้องการเพิ่ม Extensions หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า เราต้องการให้ภาษา PHP มีความสามารถเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เช่น สามารถติดตั้งฐานข้อมูล MySQL ได้ เราก็จำเป็นต้องเพิ่ม MySQL Extension เป็นต้น การเพิ่ม Extension นี้สามารถทำได้โดยขั้นตอนต่อไปนี้
# cd /usr/ports/lang/php5-extensions
# make install
5. ทำการเลือก Extension ที่เราต้องการในที่นี้แนะนำให้เลือกตามเอกสาร เนื่องจากเป็น Extension ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานของโปรแกรมทั่วๆไป การเลือกนี้สามารถทำได้โดยการเลื่อน Cursor ไปยังชื่อ Extensions ที่ต้องการแล้วกดปุ่ม Space Bar
(เลือก CALENDAR,CTYPE,DOM,FTP,GD,GETTEXT)
(เลือก MBSTRING,MYSQL)

(เลือก OPENSSL,PDF)
(เลือก SOCKETS)
(เลืก ZIP,ZLIB)
เมื่อเลือก Extension ตามตัวอย่างเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม OK เพื่อทำการติดตั้ง PHP Extension เพิ่มเติม ให้รอจนกว่าจะเรียบร้อย แล้วให้ทำงาน reboot เครื่องอีกครั้งเพื่อให้ระบบปฏิบัติการ FreeBSD รับรู้ภาษาใหม
โดยปกติ php จะใช้ไฟล์คอนฟิกชื่อ /usr/local/etc/php.ini แต่ในขณะที่ติดตั้ง php เสร็จใหม่ๆจะไม่มีไฟล์นี้ให้ เราจะต้องสำเนาเอาไฟล์คอนฟิกจาก /usr/local/etc/ ออกมาเอง
#cp /usr/local/etc/php.ini-recommended /usr/local/etc/php.ini
แก้ไขค่า config ที่ไฟล์ php.ini
#ee /usr/local/etc/php.ini
ค้นหาบรรทัด
short_open_tag = Off
แก้ไขเป็น
short_open_tag = On
ตกม้าตาย
ตรงนี้ ถ้า เป็น Off จะต้องเขียน Code PHP แบบนี้เท่านั้น เท่านั้นที่จะแสดงผล แต่ถ้าแก้เป็น On จะเขียนได้ทั้งสองแบบ คือ หรือ ก็ได้
ค้นหาบรรทัด
register_globals = Off
แก้ไขเป็น
register_globals = On
บรรทัด
;default_charset = "iso-8859-1"
เอาเครื่องหมาย ; ข้างหน้าออกแล้วแก้ไขเป็น
default_charset = "tis-620"
บรรทัด
;upload_tmp_dir =
เอาเครื่องหมาย ; ข้างหน้าออกแล้วแก้ไขเป็น
upload_tmp_dir = "/tmp/upload"
บรรทัด
;session.save_patch = "/tmp"
เอาเครื่องหมาย ; ข้างหน้าออกแล้วแก้ไขเป็น
session.save_patch = "/tmp/session"
บรรทัด
session.cookie_patch = /
แก้ไขเป็น
session.cookie_patch = "/tmp/cookie"
สร้างไดเรคทอรี่ขึ้นมาที่ /tmp 3 อันชื่อ upload, session, cookie
#mkdir /tmp/upload session cookie
chmod ให้เป็น 777 ทั้ง 3 ไดเรคทอรี่
#chmod 777 /tmp/upload session cookie
6. หากเราต้องการทดสอบนั้นก็สามารถทำได้โดยการเขียนโปรแกรมภาษา PHP เพื่อทดสอบ ตามขั้นตอนนี้
# cd /usr/local/www/data
# pico test.php
(เขียนคำสั่งเพิ่มหนึ่งบรรทัด ดังนี้
#
หลังจากนั้นให้เปิดโปรแกรม Internet Explorer เรียก URL ตาม IP address ของเครื่องของท่านคล้าย ๆ ตัวอย่าง เช่น http://192.168.1.2/test.php เป็นต้น หากทำได้ถูกต้องก็จะเขียนรายละเอียดของภาษา PHP ให้เราได้ทราบ แต่หากไม่ถูกต้องก็จะปรากฏเป็นไฟล์ให้บันทึก (Save) หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์อื่น ๆ
Tips
เพื่อให้ server สามารถใช้ภาษาไทยได้ทั้ง Tis620 และ Utf-8 โดยเพิ่มคำสั่งเข้าไปใน File php.ini
#default_
charset="tis620"
default_charset="utf-8,tis-620"
3.การติดตัง mysql ให้รองรับ ภาษาไทย
#cd /usr/ports/databases/mysql50-server/
#make deinstall clean
#cd /usr/ports/databases/mysql50-client/
#make deinstall clean
#cd /usr/ports/databases/mysql50-scripts/
#make deinstall clean
#killall mysqld
#rehash
หลังจาก deinstall (Uninstall) แล้วก็เริ่มติดตั้งได้เลย
แต่ถ้ายังไม่ได้ติดตั้งก็เริ่ม ติดตั้ง จากตรงจุดนี้
#cd /usr/ports/databases/mysql50-server/
make WITH_CHARSET=utf8 WITH_XCHARSET=all WITH_COLLATION=utf8_unicode_ci WITH_OPENSSL=yes BUILD_OPTIMIZED=yes WITH_ARCHIVE=yes WITH_FEDERATED=yes WITH_NDB=yes install clean
make WITH_CHARSET=tis620 WITH_XCHARSET=all WITH_COLLATION=tis620_thai_ci WITH_OPENSSL=yes BUILD_OPTIMIZED=yes WITH_ARCHIVE=yes WITH_FEDERATED=yes WITH_NDB=yes install clean
หลังจาก สั่ง install แล้วก็ ไปเดินเล่น กิน กาแฟ ไปทำนูนทำนี้อีกสัก 15 -20 นาที ขึ้นอยู่ กับ Internet ที่จะโหลด Code ลงมาติดตั้งด้วย
เพื่อให้การทำงานของ mysql server มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็เลือกไฟล์คอนฟิกให้เหมาะสมกับเครื่องเรา ปกติ mysql จะใช้ไฟล์คอนฟิกชื่อ /etc/my.cnf แต่ในขณะที่ติดตั้ง mysql เสร็จใหม่ๆจะไม่มีไฟล์นี้ให้ เราจะต้องสำเนาเอาไฟล์คอนฟิกจาก /usr/local/share/mysql ออกมาเอง ซึ่งจะมีไฟล์ตัวอย่างอยู่ 5 ไฟล์ด้วยกัน ดังนี้
เหมาะสำหรับเครื่องที่มีหน่วยความจำ 4 GB , ใช้ innodb อย่างเดียว
/usr/local/share/mysql/my-innodb-heavy-4G.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 1-2 GB
/usr/local/share/mysql/my-huge.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 512 MB
/usr/local/share/mysql/my-large.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 32-64 MB , หรือ 128 MB ถ้ามีเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย
/usr/local/share/mysql/my-medium.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ น้อยกว่า 64 MB รัน mysql อย่างเดียว
/usr/local/share/mysql/my-small.cnf
เนื่องจากเครื่องที่ผมใช้ทำ server มีแรมอยู่ 128 MB ก็จะใช้ไฟล์ my-medium.cnf
#cp /usr/local/share/mysql/my-medium.cnf /etc/my.cnf
#chown root:sys /etc/my.cnf
#chmod 644 /etc/my.cnf
เพื่อให้ mysql start พร้อมกับตอนเปิดเครื่อง เพิ่มคำสั่งในไฟล์ rc.conf ตามนี้ #ee /etc/rc.conf เพิ่มคำสั่งmysql_enable="YES"
เข้าไป เซฟไฟล์ ออกจาก ee
reboot เครื่องใหม่ (เคยทดลองไม่ reboot ไม่สามรถ start mysql ได้แม้จะใช้คำสั่ง rehash ก็ยังไม่ได้งงเหมือนกันครับ)
#shutdown -r now
หรือ
#reboot
จากนั้นก็ใส่พาสเวิร์ดตามต้องการ
#mysqladmin -u root password 'password ที่ต้องการ'
ทดลองเข้าไปใช้ mysql
#mysql -u root -pต่อด้วยพาสเวิร์ด
เช่น
#mysql -u root -p123456
ทำให้รองรับภาษาไทย
ee /etc/my.cnf
หลังจากนั้น เราจะไปแก้ไขไฟล์ /etc/my.cnf โดยเพิ่มเนื้อหาในส่วนต่าง ๆ ดังนี้ ต่อท้าย
[client]
default-character-set=tis620
[mysqld]
default-character-set = tis620
character-set-server = tis620
collation-server = tis620_thai_ci
init_connect = 'set collation_connection = tis620_thai_ci'
init_connect = 'set names tis620'
2.การติดตั้ง Apache Web Server เวอร์ชั่น 2.2
การติดตั้ง Apache Web Server เวอร์ชั่น 2.2
เอกสารอาจารย์กิตติพงษ์ สุวรรณราช
1. ให้เราเข้าไปยังไดเร็กทอรี /usr/ports/www/apache22 แล้วทำการติดตั้ง Apache Web Server ด้วยคำสั่ง make install ดังตัวอย่าง
# cd /usr/ports/www/apache22
# make install clean
2. รอสักครู่โปรแกรมจะเริ่มติดตั้งแล้วจะปรากฏหน้าจอภาพ ถามเกี่ยวกับ Options เสริมของ gettext ในที่นี้ให้เรากดปุ่ม Tab มาที่ OK แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำงานต่อไป .
รูปที่ 1 ไม่เลือก Options ของ gettext
3. ให้รอจนกว่าระบบปฏิบัติการ FreeBSD จะทำการคอมไฟล์ (Compile) Apache จนเรียบร้อยก็จะปรากฏเครื่องหมาย Prompt (#) อีกครั้ง จากนั้นให้เราทำการปรับแต่ง Apache เพิ่มเติม
# pico /usr/local/etc/apache22/httpd.conf
(การเพิ่มบรรทัดคำสั่งเหล่านี้ ให้ทำการค้นหาบรรทัดคำสั่งเดิม หรือกลุ่มคำที่มีข้อความ คำสั่งคล้าย ๆ กันแล้วขอให้เพิ่มบรรทัดเหล่าเข้าไป หากบรรทัดใดมีเครื่องหมาย # นำหน้า หมายความว่าบรรทัดนั้นไม่มีผลต่อการทำงานของระบบ การค้นหานี้ทำการโดยการพิมพ์ Ctrl+W แล้วพิมพ์ Keyword ที่ต้องการค้นหาลงไป)
DirectoryIndex index.php index.html
AddDefaultCharset tis-620
AddType application/x-httpd-php .php
AddType application/x-httpd-php-source .phps
4. การที่เราจะสั่งให้ Apache Web Server ทำงานทุกครั้งที่มีการบูทเครื่องก็สามรถทำได้โดยการเพิ่มคำสั่ง apache22_enable=”YES” ในไฟล์ /etc/rc.conf ดังตัวอย่าง
# pico /etc/rc.conf
(เพิ่มบรรทัดคำสั่ง
apache22_enable=”YES”
inetd_enable="YES" #ถ้าต้องการให้ใช้งาน ssh ได้ ต้องเพิ่มบรรทัดนี้เข้าไปด้วยแล้วแก้ File
#pico /etc/inetd.conf เอาเครื่อง # หน้า ssh ออก
เข้าไปในไฟล์นี
แต่ถ้าเป็น Freebsd 7.0
จะต้องเพิ่มใน
#pico /boot/loader.conf
(เพิ่มบรรทัดคำสั่ง accf_http_load="YES" ข้าไปในไฟล์)
1.การ upgrade ports ก่อนการติดตั้ง Apache mysql php
อันดับแรกติดตั้ง cvsup ก่อนเลย
#cd /usr/ports/net/cvsup-without-gui
#make install && make clean
#rehash
หรือใช้คำสั่งนี้ก็ได้เช่นกัน (แนะนำ)
#pkg_add -r cvsup-without-gui
#rehash
ทำการ synchronize ports index กับ cvsup server
# /usr/local/bin/cvsup -g -L 2 -h cvsup.freebsd.org /usr/share/examples/cvsup/ports-supfile
รอจนกว่าจะติดตั้งเสร็จ
ติดตั้ง portupgrade
#cd /usr/ports/sysutils/portupgrade
#make install && make clean
ทำการอัพเดท ports database
#/usr/local/sbin/portsdb -Uu
ทำการ auto fix package database
#/usr/local/sbin/pkgdb -aF
ค้นหาซอฟท์แวร์ต่างๆที่เคยถูกติดตั้งแล้วใน ports เพื่อทำการอัพเดท จะว่าไปแล้วข้อนี้ไม่ต้องทำก็ได้เพราะพึ่งจะติดตั้ง freebsd ใหม่
#/usr/local/sbin/portversion -L "<"
รีบูตเครื่องใหม่
#shutdown -r now
TIPS: การเซต Apache , PHP , MySQL เพื่อรองรับกับ UTF-8
httpd.conf: =============
AddCharset UTF-8 .utf8
AddDefaultCharset UTF-8
php.ini ===============
default_charset = "utf-8"
my.cnf ================
character-set-server=utf8
default-collation=utf8_unicode_ci
3.การติดตัง mysql ให้รองรับ ภาษาไทย
cd /usr/ports/databases/mysql50-server/
make deinstall clean
cd /usr/ports/databases/mysql50-client/
make deinstall clean
cd /usr/ports/databases/mysql50-scripts/
make deinstall clean
killall mysqld
rehash
cd /usr/ports/databases/mysql50-server/
make WITH_CHARSET=tis620 WITH_XCHARSET=all WITH_COLLATION=tis620_thai_ci WITH_OPENSSL=yes BUILD_OPTIMIZED=yes WITH_ARCHIVE=yes WITH_FEDERATED=yes WITH_NDB=yes WITH_PROC_SCOPE_PTH=yes install clean
เพื่อให้การทำงานของ mysql server มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็เลือกไฟล์คอนฟิกให้เหมาะสมกับเครื่องเรา ปกติ mysql จะใช้ไฟล์คอนฟิกชื่อ /etc/my.cnf แต่ในขณะที่ติดตั้ง mysql เสร็จใหม่ๆจะไม่มีไฟล์นี้ให้ เราจะต้องสำเนาเอาไฟล์คอนฟิกจาก /usr/local/share/mysql ออกมาเอง ซึ่งจะมีไฟล์ตัวอย่างอยู่ 5 ไฟล์ด้วยกัน ดังนี้
เหมาะสำหรับเครื่องที่มีหน่วยความจำ 4 GB , ใช้ innodb อย่างเดียว
/usr/local/share/mysql/my-innodb-heavy-4G.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 1-2 GB
/usr/local/share/mysql/my-huge.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 512 MB
/usr/local/share/mysql/my-large.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ 32-64 MB , หรือ 128 MB ถ้ามีเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย
/usr/local/share/mysql/my-medium.cnf
เหมาะสำหรับเครื่องที่มี หน่วยความจำ น้อยกว่า 64 MB รัน mysql อย่างเดียว
/usr/local/share/mysql/my-small.cnf
เนื่องจากเครื่องที่ผมใช้ทำ server มีแรมอยู่ 128 MB ก็จะใช้ไฟล์ my-medium.cnf
#cp /usr/local/share/mysql/my-medium.cnf /etc/my.cnf
#chown root:sys /etc/my.cnf
#chmod 644 /etc/my.cnf
เพื่อให้ mysql start พร้อมกับตอนเปิดเครื่อง เพิ่มคำสั่งในไฟล์ rc.conf ตามนี้ #ee /etc/rc.conf เพิ่มคำสั่ง
mysql_enable="YES"
เข้าไป เซฟไฟล์ ออกจาก ee
reboot เครื่องใหม่ (เคยทดลองไม่ reboot ไม่สามรถ start mysql ได้แม้จะใช้คำสั่ง rehash ก็ยังไม่ได้งงเหมือนกันครับ)
#shutdown -r now
หรือ
#reboot
จากนั้นก็ใส่พาสเวิร์ดตามต้องการ
#mysqladmin -u root password 'password ที่ต้องการ'
ทดลองเข้าไปใช้ mysql
#mysql -u root -pต่อด้วยพาสเวิร์ด
เช่น
#mysql -u root -p123456
ทำให้รองรับภาษาไทย
ee /etc/my.cnf
หลังจากนั้น เราจะไปแก้ไขไฟล์ /etc/my.cnf โดยเพิ่มเนื้อหาในส่วนต่าง ๆ ดังนี้ ต่อท้าย
[client]
default-character-set=tis620
[mysqld]
default-character-set = tis620
character-set-server = tis620
collation-server = tis620_thai_ci
init_connect = 'set collation_connection = tis620_thai_ci'
init_connect = 'set names tis620'
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552
1.Install Windows Server 2003, Standard Edition
โดย นายสันติ สุขยานันท์
นายนคร บริพนธ์มงคล
สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
Windows Server 2003, Standard Edition
• Portability สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในแพลตฟอร์มของโปรเซสเซอร์อื่นได้
• Multiprocessing and Scalability แอปพลิเคชั่นที่ทำงานภายใต้ Windows Server 2003 ต้องสามารถใช้
ประโยชน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหลายโปรเซสเซอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• Reliability and Robustness ระบบปฏิบัติการมีเสถียรภาพสูง สามารถป้องกันข้อผิดพลาดอันเกิดจาก
กระบวนการภายในและจากแอปพลิเคชั่นภายนอกได้ ระบบจะต้องอยู่ในสถานะที่สามารถควบคุมได้
ตลอดเวลา หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นระบบต้องสามารถรายงานได้อย่างถูกต้อง และความผิดพลาดของ
แอปพลิเคชั่นจะต้องไม่มีผลต่อการทำงานของระบบปฏิบัติการโดยรวม นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการยังต้องมี
อำนาจเต็มที่ในการควบคุมแอปพลิเคชั่น อันได้แก่ การสั่งหยุดแอปพลิเคชั่นที่ทำให้เกิดปัญหาต่อระบบ
และสามารถเรียกคืนทรัพยากรระบบทั้งหมด เช่น หน่วยความจำให้กลับมาคืนสู่ระบบได้
• Security มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ระบบต้องสามารถตรวจสอบผู้ใช้ก่อนเข้าใช้งานระบบได้ รวมทั้ง
ติดตามการใช้งานของผู้ใช้ได้ และสามารถกำหนดสิทธิต่างๆ ในการใช้งานทรัพยากรของระบบได้
• Performance ตัวระบบต้องทำงานได้ในความเร็วสูงสุดเท่าที่ทำได้ในแพลตฟอร์มทางฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่